กาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ

organo
กาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีมูลค่าการซื้อขายมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากปิโตรเลียม กาแฟในเชิงการค้าที่สำคัญมีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ กาแฟอาราบิก้า และกาแฟโรบัสต้า โดยปริมาณการผลิตกาแฟของโลกจะมีสัดส่วนของอาราบิก้า : โรบัสต้า ประมาณ 70 : 30 และปริมาณการค้ามีสัดส่วน 65 : 35 ตามลำดับ สำหรับประเทศไทยผลิตกาแฟได้เพียงร้อยละ 1 ของโลก เป็นกาแฟโรบัสต้าถึงร้อยละ 97 และอาราบิก้าเพียงร้อยละ 3เท่านั้น เนื่องจากกาแฟอาราบิก้ามีรสชาติไม่ขมเข้มรุนแรง และกลิ่นหอมนุ่มนวล จึงถือเป็นกาแฟคุณภาพดี ตลาดโลกมีความต้องการสูง ประกอบกับแนวโน้มการบริโภคยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การผลิตภายในประเทศไม่เพียงพอ ต้องนำเข้าปีหนึ่งๆ ในปริมาณและมูลค่าสูง หากมีการพัฒนาการผลิตกาแฟดังกล่าว เพื่อทดแทนการนำเข้า จะเป็นการประหยัดเงินตราได้มาก
จากการศึกษาพบว่า เมื่อเปรียบเทียบกาแฟกับเครื่องดื่มที่ทำจากพืชอื่น เช่น ชา โกโก้ น้ำผลไม้ และน้ำอัดลม ถือได้ว่ากาแฟเป็นเครื่องดื่มที่คนนิยมบริโภคมากเป็นอันดับหนึ่ง โดยประชากรทั่วโลกจะบริโภคกาแฟไม่ต่ำกว่าวันละ 1,000 ล้านถ้วย สำหรับคนไทยนั้นมีการดื่มกาแฟค่อนข้างน้อย เฉลี่ยประมาณ 90 ถ้วยต่อคนต่อปี อัตราการขยายตัวของตลาดกาแฟไทยประมาณร้อยละ 5 - 7 ต่อปี
วิถีการตลาดกาแฟอาราบิก้าในภาคเหนือของประเทศไทยปี 2544 เกษตรกรจะขาย ผลผลิตให้พ่อค้าท้องถิ่น หน่วยงานพัฒนาที่สูง และพ่อค้าในเมืองร้อยละ 53 31 และ 16 ตามลำดับ สำหรับระบบการปลูกที่เหมาะสมคือ การปลูกกาแฟเป็นพืชเชิงเดี่ยว และความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อกาแฟอาราบิก้าในร้านกาแฟชั้นดี พบว่ามีมากกว่าร้อยละ 80 ผลการศึกษาเหล่านี้น่าจะนำมาพิจารณาสรุปหาแนวทางการพัฒนาการผลิตกาแฟอาราบิก้าต่อไป


1.    ลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจในผู้หญิง 25%
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยของสเปนพบว่า ผู้หญิงที่ดื่มกาแฟ 2 – 3 แก้วต่อวันมีอัตราเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มและผู้ชาย 25%
2.    ลดอัตราเสี่ยงของการเป็นเบาหวาน 60%
กาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระ และยังมีสารประกอบที่เรียกว่า ควินิน (Quinines) ที่ช่วยให้ร่างกายสามารถผลิตอินซูลินได้ดีขึ้น
3.    ลดอัตราการเกิดภาวะความจำเสื่อม 65%
จากการวิจัยพบว่ากาแฟมีส่วนช่วยในการชะลอภาวะความจำเสื่อมโดยไปหยุดยั้งหรือต้านการจับตัวของคอเรสเตอรอล (Cholesterol) ที่เป็นผลเสียต่อร่างกาย
4.    ลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งในลำไส้ใหญ่ 50%
จากการศึกษาถึง 12 ปีกับผู้หญิงในญี่ปุ่นพบว่าคนที่ดื่มกาแฟ 3 แก้วหรือมากกว่าต่อวันมีแนวโน้มในการลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งในลำไส้ใหญ่
5.    ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
จากการศึกษากับผู้ชายจำนวน 50,000 คนเป็นเวลา 20 ปีพบว่าคนที่ดื่มกาแฟ 6 แก้วต่อวันจะมีอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ดื่ม
6.    ลดความเสี่ยงของการเป็นอัลไซเมอร์ (Alzheimer) 65%
จากการศึกษากับคนวัยกลางคนในประเทศฟินแลนด์จำนวน 1,400 พบว่าคนที่ดื่มกาแฟ 5 ถ้วยต่อวันสามารถลดอัตราเสี่ยงของการเป็นอัลไซเมอร์ 65%
7.    ลดความเสี่ยงของการเป็นตับแข็ง 80%
จากการศึกษากับผู้ดื่มกาแฟจำนวน 125,000 คนพบว่าการดื่มกาแฟ 1 แก้วต่อวันทำให้ความเสี่ยงต่อการเป็นตับแข็งลดลง 20% ถ้าดื่ม 4 แก้วต่อวันจะลดอัตราเสี่ยงได้ 80%
8.    ลดความเสี่ยงของการเป็นนิ่วในถุงน้ำดี 50%
ผู้ชายที่ดื่มกาแฟอย่างน้อย 2 แก้วต่อวันมีแนวโน้มในการลดอัตราเสี่ยงของการเป็นนิ่วในถุงน้ำดี 40%, 25% สำหรับผู้หญิงที่ดื่มกาแฟในปริมาณที่เท่ากัน และ 45% สำหรับคนที่ดื่มมากกว่า 4 แก้วต่อวัน
9.    ลดความเสี่ยงของการเกิดการอุดตันในเส้นเลือดในผู้หญิง 43%
จากการศึกษากับนางพยาบาลจำนวน 83,000 คนที่ไม่เคยสูบบุหรี่และดื่มกาแฟ 4 แก้วต่อวันสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดการอุดตันในเส้นเลือด 43%
10.     ลดความเสี่ยงของการเกิดอาการสั่นของอวัยวะจากระบบปราสาท
11.     ลดอัตราเสี่ยงในการฆ่าตัวตายของผู้หญิง 60%
จากการศึกษาเป็นเวลา 10 ปีกับผู้หญิงจำนวน 86,000 คนพบว่าผู้หญิงที่ดื่มกาแฟ 2 แก้วต่อวันสามารถลดอัตราเสี่ยงในการฆ่าตัวตายของ 60%
12.     กาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยซ่อมแซมเซลต่างๆในร่างกายที่ถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ
13.     กาแฟช่วยให้เรารู้สึกไม่ง่วงและตื่นตัว
14.     กาแฟช่วยลดความรู้สึกหนาวได้เนื่องจากคาเฟอีน (caffeine)
15.     ลดการเกิดโรคหืด
16.     ลดอาการปวดหัว บ่อยครั้งที่คาเฟอีน (caffeine) ถูกใช้เป็นยาแก้ปวดหัวโดยเฉพาะอาการปวดหัวจากไมเกรน (migraine)
17.     บรรเทาอาการปวด การดื่มกาแฟ 2 แก้วอาจช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อหลังจากการออกกำลังกายได้ประมาณ 58% ยาแก้ปวดหลายประเภทมีการผสมคาเฟอีน (caffeine) 65 mg เช่น aspirin, ibuprofen, acetaminophen และคาเฟอีน (caffeine) สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ 40%
18.     ช่วยทำให้อารมณ์แจ่มใสขึ้น คาเฟอีน (caffeine) ที่ดื่มเข้าไปจะช่วยคลายความเครียดและทำให้อารมณ์แจ่มใสขึ้น
19.     ช่วยให้ความสามารถทางการกีฬาสูงขึ้น เพราะคาเฟอีน (caffeine) มีฤทธิ์ช่วยเพิ่มความทนทานและประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อ
20.     ป้องกันฟันผุ สารประกอบที่มีชื่อว่า Trigonelline ซึ่งเป็นสารที่ทำให้กาแฟมีกลิ่นหอมและรสขม มีประสิทธิภาพช่วยป้องกันแบคทีเรีย และการก่อตัวของแบคทีเรีย โดยเหตุผลนี้กาแฟจึงช่วยป้องกันฟันผุได้
coffeebenefit-thumbถึงแม้ว่ากาแฟจะมีสารที่มีประโยชน์มากมายแต่สารประกอบบางอย่างที่อยู่ในกาแฟอาจส่งผลกับแต่ละคนต่างกัน ดังนั้นถ้าเกิดเรามีปัญหาท้องเสียกับการดื่มกาแฟ หรืออาการอื่นๆ ก็สามารถดื่มชาแทนได้